การพนันทางโฆษณา

ในปัจจุบันการโฆษณานับว่ามีผลต่อคนเรามาก เพราะคนเรามักจะเชื่อการโฆษณา โดยเฉพาะถ้ามีการโฆษณากรอกหูกรอกตาอยู่ทุกวี่วัน ซึ่งมันจะส่งผลให้จิตใต้สำนึกของคนที่ได้รับรู้การโฆษณาบ่อยๆนั้นซึมซาบเอาสิ่งที่โฆษณานั้นไว้ แล้วก็ทำให้รู้สึกคุ้นเคยและไว้วางใจ ซึ่งก็จะทำให้มีโอกาสซื้อสินค้าที่เขาโฆษณาบ่อยๆนั้นมากขึ้น จนทำให้ผู้ผลิตสินค้านั้นร่ำรวยไปตามๆกันเพราะเขาจับจุดนี้ได้ ถึงแม้บางครั้งสินค้านั้นจะไม่ได้เป็นของมีคุณค่าตามที่เขาโฆษณาเลยก็ตาม

การโฆษณาขายสิ่งที่ไม่มีคุณค่านั้น ถึงแม้จะหลอกลวงแต่ก็ยังไม่เลวร้ายเท่ากับการโฆษณาที่เป็นการชิงโชคหรือเสี่ยงโชค อย่างเช่นการส่งฉลากสินค้าไปร่วมชิงโชค หรือเปิดฝาเจอเงินล้าน หรือได้ทอง หรือได้ทรัพย์สินสิ่งของมีค่าต่างๆ หรือแม้การโทรศัพท์ไปโหวตเพื่อหวังรางวัลก็ตาม เป็นต้น ซึ่งนี่ก็จัดว่าเป็นการเล่นการพนันวิธีหนึ่งด้วย ซึ่งการพนันนั้นถ้าเสี่ยงเล่นแล้วถ้าได้ก็จะได้กลับมามาก แต่ถ้าเสียก็เสียน้อย แต่โอกาสถูกนั้นกลับยิ่งน้อยกว่ามากมายนัก ซึ่งคนทั่วไปที่ไม่ชอบเล่นการพนันก็จะไม่เล่น ส่วนคนที่ชอบเล่นก็ยังไม่ค่อยจะกล้าเล่นมาก เพราะรู้อยู่ว่าถ้าเสียก็จะไม่ได้อะไรตอบแทนเลย

แต่สำหรับการเสี่ยงโชคนั้นกลับมีคนชอบมากทั้งคนที่ชอบเล่นการพนันและแม้คนที่ไม่ชอบเล่นการพนันเลยก็ตาม เพราะถึงแม้จะไม่ได้รับรางวัลใดๆเลย แต่ก็ยังได้รับสิ่งของที่ซื้อนั้นมากิน มาใช้ ตามปกติ ถึงแม้สิ่งที่ซื้อมากิน มาใช้นั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ไร้คุณค่า หรือไร้ประโยชน์อย่างมาก หรืออาจเป็นโทษเสียด้วยซ้ำก็ตาม อย่างเช่นเครื่องดื่มชูกำลัง หรือน้ำชากาแฟ หรือน้ำอัดลมสีต่างๆ หรือแม้สุรา เป็นต้น ซึ่งบางคนมีความอยากได้รางวัลมากถึงขนาดยอมซื้อหาสิ่งของที่เขาโฆษณาว่าจะมีรางวัลตอบแทนถ้าโชคดีนั้นมาไว้มากมาย ถึงแม้จะไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์อะไรเลยก็ตาม และยิ่งถ้ามีการนำเอาคนที่เคยได้รับรางวัลมาเปิดเผยให้ได้รู้เข้าอีก ก็จะยิ่งกระตุ้นให้คนโง่และโลภยิ่งอยากได้อย่างเขามากขึ้นอีก และก็จะยิ่งซื้อสินค้านั้นมากขึ้นอีก ซึ่งก็ย่อมที่จะทำให้เกิดความสูญเสียทรัพย์สินไปอย่างมากมายคล้ายกับเสียการพนัน และอาจจะเสียมากกว่าเพราะไม่รู้สึกว่าตนเสียหายอะไร เพราะยังมีของที่ซื้อมาอยู่ ทั้งๆที่อาจจะไม่ได้รับประโยชน์จากของที่ซื้อมานั้นเลยแม้แต่น้อยนิดก็ตาม ดังนั้นจึงทำให้เกิดการซื้อมากขึ้น ซึ่งอาจเสียทรัพย์มากกว่าการเล่นการพนันโดยตรงเสียอีก

คนที่ผลิตและโฆษณาขายสินค้าที่ไร้ประโยชน์นั้นนับว่ามีจิตใจที่เลวร้ายแล้ว ถ้ายิ่งมีการยั่วยวนให้ซื้อด้วยการเอารางวัลมาล่อลวงก็จะยิ่งเลวร้ายมากกว่า เพราะทำให้คนจำนวนมากต้องเสียทรัพย์แม้จะคนละเล็กคนละน้อยก็ตาม แต่มันก็ทำให้เกิดความสูญเสียที่เปล่าประโยชน์และเป็นเหตุสนับสนุนให้คนที่ซื้อนั้นยากจนลง ส่วนคนผลิตและคนขายกลับร่ำรวยมากขึ้น จึงนับว่าเป็นความเห็นแก่ตัวของคนผลิตอย่างที่สุด เหมือนกับการปล้นเอาทรัพย์ของคนที่ยากจนและโง่เขลามาเป็นของตนอย่างหน้าด้านๆและน่าเกลียด ซึ่งนี่ก็คือความฟอนแฟะของสังคมที่ไร้ศีลธรรม ที่คนดีนับวันจะหายากขึ้น จะมีก็แต่คนที่จ้องจะเอาเปรียบคนที่โง่กว่าอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ไม่มีจิตที่คิดจะช่วยเหลือคนเหล่านั้นเลยแม้สักน้อยนิด แล้วอย่างนี้จะหาความปกติสุขในสังคมได้อย่างไร

เรื่องนี้จะไปโทษใครไม่ได้นอกจากโทษ “ความโง่” เพราะความโง่นั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาและความทุกข์ความเดือดร้อนทั้งปวง ถ้าคนเราจะมีความฉลาดหรือมีปัญญากันขึ้นมาบ้าง รู้จักคิด รู้จักใช้เหตุผลกันขึ้นมาบ้าง ก็จะค่อยๆทำให้หายโง่ได้ แล้วก็จะไม่ถูกใครหลอก และรู้จักใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง อันจะส่งผลให้ชีวิตมีความสุขสบายและมั่นคงขึ้น

การแก้ปัญหาก็ต้องเริ่มกันที่การสร้างปัญญาให้เกิดขึ้นแก่ผู้คน โดยอาศัยสื่อต่างๆมาช่วยจึงจะได้ผล ซึ่งก็คงจะยากเพราะสมัยนี้อะไรๆก็เป็นธุรกิจไปหมด สิ่งที่ดีมีสารประโยชน์แก่สังคมนั้น ถ้าไม่มีผลประโยชน์ก็ยากที่จะได้รับการเผยแพร่ จึงทำให้ผู้คนในสังคมของเรายังคงโง่เขลาไร้ปัญญากันต่อไป และก็ยังคงถูกการโฆษณาล่อลวงให้ต้องเสียทรัพย์กันอยู่ต่อไป จนอาจจะถึงวันที่จะหมดตัวล้มละลายกันหมดนั่นแหละจึงค่อยจะเกิดปัญญากันขึ้นมาบ้าง ซึ่งมันก็อาจจะสายไปเสียแล้วก็ได้.

เตชปญฺโญ ภิกขุ
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)
*********************
Free Web Hosting