สัจจะสร้างความเจริญ

คำว่า สัจจะ เมื่อมาดูที่จิตใจเราก็หมายถึง ความจริงใจ คือหมายถึงความเป็นคนจริง ทำอะไรจริงจัง ไม่เหลาะแหละโลเล ที่เรียกว่าเป็นคนพูดจริง ทำจริง หรือที่เรามักเรียกกันว่าเป็นคนมีสัจจะ พูดอย่างไรก็จะทำอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง

สัจจะนี้เป็นคุณธรรมอย่างหนึ่งที่สำคัญสำหรับสร้างความสุขและความมั่นคงให้กับชีวิต และจะป้องกันไม่ให้ความทุกข์ความเดือดร้อนเกิดขึ้นมาได้ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร ถ้าปรารถนาจะพ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนแล้วก็จะต้องเป็นคนมีสัจจะ คือเป็นคนจริง

นักเรียนนักศึกษาที่ปรารถนาจะเรียนเก่งและประสบความสำเร็จในการเรียนที่สูงๆก็ต้องเป็นคนมีสัจจะ คือเป็นนักเรียนจริง ตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ สนใจเรียน ขยันทำการบ้าน ขยันอ่านหนังสือ พยายามศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ ไม่เป็นคนเหลวไหล คือไม่ทอดทิ้งการเรียน ไม่หนีเรียน ไม่ติดเที่ยว ไม่ติดเพื่อน ไม่ติดเกมส์ ไม่ติดสิ่งเสพติด ไม่เกียจคร้าน ก็จะประสบผลสำเร็จในการเรียนได้ และก็ย่อมที่จะเป็นคนมีอนาคตที่ดีอย่างแน่นอน

จะต่างกับนักเรียนนักศึกษาที่ไม่เป็นนักเรียนนักศึกษาจริง คือเข้ามาเป็นนักเรียนนักศึกษาเพื่อที่จะได้โก้เก๋ หรือมีเพื่อนเล่นเพื่อนเที่ยวมากๆ หรือเพื่อแสวงหาคนรัก หรือเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานถ้าต้องอยู่กับบ้าน จึงทำให้ไม่สนใจเรียน ส่วนการเรียนก็เรียนไปแค่พอเอาตัวรอดหรือเพื่อไม่ให้สอบตกเท่านั้น ซึ่งนักเรียนนักศึกษาพวกนี้มักเรียนไม่ค่อยจบ หรือถึงจะจบก็จบมาอย่างไม่มีความรู้ มีแต่ใบประกาศณียบัตร ซึ่งแน่นอนว่าคนพวกนี้จะมีอนาคตที่ตกต่ำ ไม่เจริญอย่างแน่นอน

นักเรียนนักศึกษาสมัยนี้จะหาที่เป็นนักเรียนจริงนั้นค่อนข้างยาก จะมีก็แต่พวกไม่ค่อยจะจริงหรือจริงครึ่งไม่จริงครึ่งเสียมากกว่า คือเรียนไม่เต็มที่ สนใจแต่จะเที่ยว จะเล่น จะสนุกสนานหรือจะมีแฟนกันเสียมากกว่า ส่วนเรื่องการเรียนก็เรียนไปอย่างเสียไม่ได้ หรืออย่างดีก็สนใจเรียนแต่เฉพาะที่ครูอาจารย์สอน จะทำการบ้านหรือทำงานเฉพาะที่ครูอาจารย์สั่งเท่านั้น ไม่มีความคิดที่จะทำอะไรให้ก้าวหน้าไปกว่านี้ แล้วก็ทำให้การเรียนไม่เจริญก้าวหน้า จบมาแล้วโง่เหมือนกันหมด แล้วก็ส่งผลให้ประเทศชาติไม่พัฒนา เพราะมีแต่คนที่ไร้คุณภาพเต็มบ้านเต็มเมือง อย่างเช่นปัจจุบัน

สัจจะนี้ใช้ได้ในทุกรณี อย่างเช่นคนทำงานก็ต้องทำจริง หน้าที่การงานจึงจะเจริญ ส่วนสามีภรรยาก็ต้องเป็นสามีภรรยาจริง คือช่วยกันทำงาน เก็บเงิน สร้างอนาคต สร้างครอบครัว ไม่ใช่จะเป็นคนเหลวไหล เอาแต่จะหนีไปแสวงหาความสนุกสนาน เช่นสามีก็ไปกินเหล้า หรือไปหาหญิงอื่น หรือภรรยาก็เอาแต่เล่นการพนันหรือใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เป็นต้น ก็จะทำให้ชีวิตคู่ไม่เจริญ จะมีแต่ปัญหาและความทุกข์ความเดือดร้อนอยู่ร่ำไป สุดท้ายถ้ายังไม่เลิกก็จะทำให้ชีวิตคู่ล่มสลายได้

สาเหตุที่ทำให้คนเราเกิดเป็นคนไม่จริงหรือไม่มีสัจจะนี้ก็มาจากสองสาเหตุ คือ (๑) จากนิสัย คือเป็นคนมีนิสัยเหลาะแหละโลเลมาก่อน กับ (๒) มาจากสภาพแวดล้อมที่มีแต่สิ่งยั่วยวนให้วิถีชีวิตดินออกจากสัจจะไปสู่ความเหลวไหล อย่างเช่นสังคมที่หรูหรา ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย ในปัจจุบัน

คนที่เหลวไหลไม่มีสัจจะนั้นจัดว่าเป็นคนโง่และประมาท เพราะความเหลวไหลของเขานั่นเองที่จะนำมาซึ่งปัญหากับความทุกข์ความเดือดร้อนและแม้ความพินาศได้ในอนาคต แต่เขาก็มองไม่เห็น หรือถึงเห็นก็คิดว่าช่างมัน ขอสนุกอาไว้ก่อน เอาไว้เมื่อเกิดปัญหาถึงค่อยมาหาวิธีแก้ไข คือเหมือนกับไม่เตรียมพร้อมที่จะต้อนรับกับปัญหา เมื่อปัญหามาถึงเข้าก็ย่อมที่จะแก้ไขไม่ทัน ซึ่งก็จะส่งผลให้บางคนคิดว่าจะเสี่ยงโชคให้ร่ำรวยด้วยการเล่นการพนัน จึงกลายเป็นนักพนันไปอีก หรือบางคนเมื่อหมดหนทางก็กลายมาเป็นคนคดโกง หรือจี้ปล้น ลักขโมยไปก็มี ซึ่งก็สร้างปัญหาให้กับสังคมเข้าอีก

คนที่ฉลาดย่อมจะมองเห็นภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากความไร้สัจจะและประมาท เขาจะเตรียมพร้อมที่จะต้อนรับกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยการตั้งใจจริงในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง ไม่เป็นคนเหลวไหล และเมื่อปัญหาเกิดขึ้นเขาก็จะสามารถแก้ไขให้หมดสิ้นไปได้อย่างง่ายดาย ชีวิตของเขาจึงมั่นคง ไม่มีความทุกข์ความเดือดร้อนเหมือนคนที่ไม่มีสัจจะและประมาท

จึงใคร่ขอเตือนให้เราทุกคนอย่าได้ประมาท ขอให้ทำอะไรด้วยความตั้งใจจริง ขอให้มองอนาคตให้ไกลๆ ถ้าเรารักแต่จะสนุกสนานกันในเดี๋ยวนี้ อนาคตก็จะเดือดร้อนวุ่นวาย แต่ถ้าเราจะอดทนต่อความทุกข์ยากกันเสียบ้าง อนาคตก็สุขสบาย อย่างคำที่ท่านผู้รู้กล่าวไว้ว่า “ถ้ารักสุขก็จะเป็นทุกข์ในภายหลัง ถ้ารักทุกข์ก็จะเป็นสุขในภายหลัง”.

เตชปญฺโญ ภิกขุ
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)
*********************
Free Web Hosting